วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

รัชกาลที่ 10


พระราชประวัติรัชกาลที่ 10

Bildergebnis für รัชกาลที่10

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร

พระนามเดิมของพระองค์ เดิมว่า สมเด็จ พระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ บรมจักรยาดิศรสันตติวงศ เทเวศรธำรง สุบริบาล อภิคุณูประการมหิตลาดุลเดช ภูมิพลนเรศวรางกูร กิตติสิริสมบูรณ์สวางควัฒน์ บรมขัตติยราชกุมาร ซึ่งเป็นพระราชโอรสเพียงพระองค์เดียว ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
(สนช. กราบบังคมทูลอัญเชิญสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ขึ้นทรงราชย์เป็นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตามกฎมณเฑียรบาล เมื่อเวลาประมาณ 11:00 น. วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน 2559) และ สำนักพระราชวัง ออกหมายกำหนดการพระราชพิธีปัญญาสมวาร ร.9 (เป็นทางการแล้ว) พร้อมประกาศให้เรียกพระนามใหม่ ร.10 “สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร” ได้ตั้งแต่ 2 ธ.ค. นี้ เป็นต้นไป

พระราชสมภพ

พระราชประวัติ : พระราชสมภพ

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร หรือสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 มีพระนามเดิมว่า สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณฯ สยามมกุฎราชกุมารเป็นพระราชโอรสพระองค์เดียวในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงเป็นสยามกุฎราชกุมารพระองค์แรกในสมัยการปกครองระบอบประชาธิปไตยของประเทศไทย ทรงพระราชสมภพเมื่อวันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พุทธศักราช 2495 ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ทรงมีพระเชษฐภคินี 1 พระองค์ คือ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาสิริวัฒนาพรรณวดี พระนามเดิมสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดีและพระขนิษฐภคินี 2 พระองค์ คือ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี  

ทรงผนวช

พระราชประวัติ: ทรงผนวช

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ มีพระทัยศรัทธาจะอุปสมบทในพระพุทธศาสนา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 จึงโปรดเกล้าฯ ให้ทรงผนวชในวันจันทร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2521 เวลา 15.00 น. ตรงกับวันขึ้น 7 ค่ำ เดือน 12 ปีมะเมีย ณ พัทธสีมาพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยมีสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (วาสน์ วาสโน) เป็นพระอุปัชฌาย์ สมเด็จพระญาณสังวร (เจริญ สุวฑฺฒโน) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และสมเด็จพระธีรญาณมุนี (ธีร์ ปุณฺณโก) ถวายอนุสาสน์ ผนวชแล้วเสด็จฯ ไปประทับ ณ พระตำหนักปั้นหย่า วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร พระมหารัชมงคลดิลก (บุญเรือน ปุณฺณโก) เป็นพระอภิบาลผนวชอยู่ 15 วันจึงลาผนวช

พระราชกรณียกิจ

ด้านทหาร

พระราชกรณียกิจ : ด้านทหาร


สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามกุฎราชกุมาร ทรงรับราชการทหารมาโดยตลอด นับแต่เมื่อวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2518 ทรงเข้าเป็นนายทหารประจำกรมข่าวทหารบก กระทรวงกลาโหม วันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2521 ทรงดำรงตำแหน่ง รองผู้บังคับกองพันทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ วันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2523 ทรงดำรงตำแหน่งผู้บังคับกองพันทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ วันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2427 ทรงดำรงตำแหน่ง ผู้บังคับการ กรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ วันที่ 30 กรกฏาคม พ.ศ. 2531 ทรงดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ วันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2535 ทรงดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ สำนักผู้บัญชาการทหารสูงสุด และเนื่องด้วยพระองค์ทรงพระปรีชาชาญในวิทยาการด้านการบิน ทรงรอบรู้เทคนิคสมัยใหม่ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เคยทรงเข้าร่วมการแข่งขันการใช้อาวุธทางอากาศ ณ สนามฝึกใช้อาวุธทางอากาศชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี และทรงชนะเลิศการแข่งขัน เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2530 พระองค์ทรงมีชั่วโมงฝึกบินอย่างต่อเนื่องสูงมาก และถือว่าเป็นสิ่งที่ยากสำหรับนักบินทั่วโลกจะทำได้ พระองค์ทรงพระกรุณาปฎิบัติหน้าที่ครูการบินเครื่องบินขับไล่ แบบ เอฟ ๕ อี/เอฟ ตั้งแต่วันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ.2537 เป็นต้นมา นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณ และเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งของกองทัพไทย และปวงชนชาวไทย

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงดำรงพระยศทางทหารของ 3 เหล่าทัพ คือ พลเอก พลเรือเอก และพลอากาศเอก และได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจด้านการทหาร โดยทรงเข้าร่วมปฏิบัติการรบในการต่อต้านการก่อการร้ายในภาคเหนือ และภาคตระวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย รวมทั้งการคุ้มกันพื้นที่ในบริเวณรอบค่ายผู้อพยพชาวกัมพูชา ที่เขาล้าน จังหวัดตราด ด้วย ซึ้งแม้เป็นพระราชภารกิจที่ต้องทรงเสี่ยงภยันตราย แต่ด้วยความที่ทรงเป็นชาติชายทหาร และเป็นพระราชภารกิจเพื่อความผาสุกของพสกนิกร และเพื่อมนุษยธรรมต่อผู้ประสบทุกข์ยาก จึงทรงปฏิบัติพระราชภารกิจดังกล่าวโดยเต็มพระราชกำลัง

พระอัจฉริยภาพ 

ด้านเกษตรกรรม


 พระอัจฉริยภาพ : ด้านเกษตรกรรม


 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกรณียกิจทางด้านการเกษตรมากมาย พระองค์ทรงมีพระอัจฉริยภาพด้านนี้มาก สืบเนื่องมาจากตามแนวพระราชกรณียกิจทางด้านการเกษตรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 อาทิ เมื่อวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2529 ในการนี้ ได้ทรงปฏิบัติการสาธิตการทำนาด้วยพระองค์เอง เมื่อพระราชทานอุปกรณ์ การทำนา พันธ์ข้าวปลูก และปุ๋ยหมักให้ข้าราชการ ผู้ใหญ่ไปดำเนินการสาธิตแล้ว ได้ทรงถอดฉลองพระบาท ถลกพระสนับเพลา ทรงพระดำเนินลุยโคลน หว่านพันธ์ข้าวปลูกและปุ๋ยหมักในแปลงนาสาธิต โดยมิได้มีกำหนดการไว้ก่อน ยังความชื่นชมโสมนัสปลาบปลื้มปิติและซาบซึ้งในพระราชจริยวัตรแก่บรรดาข้าราชการและประชาชนที่มาเฝ้าทูลละอองพระบาทในพิธีการวันนั้นเป็นอย่างยิ่ง และยังมีโครงการเกษตรวิชญา จังหวัดเชียงใหม่ โดยได้รับความสนับสนุนด้านข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดําริ (สำนักงาน กปร.) พระองค์ทรงมอบที่ดินส่วนพระองค์ในพื้นที่บ้านกองแหะ หมู่ 4ตำบลโป่งแยง อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ มีเนื้อที่ทั้งหมด จำนวน 1,350 ไร่ ให้กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  โดยเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2549 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารได้พระราชทานชื่อใหม่ให้โครงการฯ จากชื่อเดิม คือ โครงการพัฒนาพื้นที่สวนบ้านกองแหะ จังหวัดเชียงใหม่ เป็นโครงการเกษตรวิชญา โครงการตามแนวพระราชดำริสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร จังหวัดเชียงใหม่ ประกอบด้วย 5 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่หนึ่ง เป็นพื้นที่ส่วนราชการ 138 ไร่ โดยเป็นที่ตั้งของอาคารศูนย์เรียนรู้ฯ อาคารฝึกอบรม และอาคารศูนย์อภิบาลเด็กสายใยรักจากแม่สู่ลูก รวมถึงแปลงสาธิตจุดเรียนรู้การพัฒนาการเกษตรแบบครบวงจร ส่วนที่สอง เป็นพื้นที่ทรงงาน 32 ไร่ ส่วนที่สาม เป็นพื้นที่พัฒนาการเกษตร 139 ไร่ โดยขณะนี้มีเกษตรกรใช้ประโยชน์จากที่ดินเดิมจำนวน 60 ราย มีการจัดระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ ฟื้นฟูปรับปรุงดิน พัฒนาแหล่งน้ำ ส่งเสริมอาชีพ และเป็นศูนย์เรียนรู้ ส่วนที่สี่ เป็นพื้นที่วนเกษตรและธนาคารอาหารชุมชน 123 ไร่ มีการพัฒนาพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม อนุรักษ์แหล่งต้นน้ำลำธาร รวมทั้งเป็นแหล่งรวบรวมพัฒนาพืชสมุนไพร และเป็นแหล่งอาหารตามธรรมชาติให้ชุมชนมีส่วนร่วม ส่วนที่ห้า เป็นส่วนสุดท้าย คือ พื้นที่ป่าไม้ 918 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 70 ของพื้นที่ทั้งหมด ที่ได้รวมกับกรมป่าไม้ในการอนุรักษ์ป่าไม้ตามธรรมชาติ และพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยววนเกษตร ที่จัดให้เป็นเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติ

พระราชดำรัส

ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากสถาบันราชภัฏ

ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากสถาบันราชภัฏ

“…บุคคลผู้รู้จักประมาณตน คือ รู้ชัดถึงฐานะ ความรู้ ความสามารถของตนตามเป็นจริงแล้วประพฤติตนปฏิบัติงานให้เหมาะสมกับศักยภาพของตน ย่อมดำเนินชีวิตและประกอบกิจการงานให้ประสบความสำเร็จและความเจริญอันยั่งยืนได้ไม่มีตกต่ำ บัณฑิตไม่ว่าจะปฏิบัติการใดจึงควรต้องรู้จักประมาณตน…”
พระราโชวาทสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร
ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากสถาบันราชภัฏ
ณ อาคารใหม่ สวนอัมพร วันจันทร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2550 (ภาคบ่าย)
โครงการในพระราชดำริ

โครงการเกษตรวิชญา

โครงการเกษตรวิชญา

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้พระราชทานที่ดิน ส่วนพระองค์ในพื้นที่สวนบ้านกองแห หมู่ที่4 ตำบลโป่งแยง อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 1,350 ไร่ให้กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อดำเนินการในลักษณะคลินิกเกษตร เพื่อเผยแพร่ผลงานวิจัยและเทคโนโลยีการเกษตรจากศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้อันเนื่องมาจากพระราชดำริในรูปแบบของศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีชุมชนเป็นศูนย์ฝึกอบรมและวิจัยพัฒนาการเกษตรให้เหมาะสมกับพื้นที่


ความคิดเห็นส่วนตัว
  หนูมีโอกาสได้อยู่ในแผ่นดินของรัชกาลที่ 9 และรัชกาลที่ 10 ทำให้หนูได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของบ้านเมืองไปตามยุคตามสมัยมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีความเจริญมากขึ้น พระมหากษัตริย์ทั้ง 2 พระองค์
เป็นหัวใจของคนไทยทั้งแผ่นดิน 

ที่มา:http://news.sanook.com/2098550/


** ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน **




วันพุธที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2560

สอบปฏิบัติ


การเชื่อมต่อแบบไร้สายมีบทบาทและความสำคัญต่อสังคมและประเทศชาติอย่างไร


ความสำคัญของระบบเครือข่าย

     ในช่วงระยะเวลาเพียง 20 ปีที่ผ่านมา พบว่าพัฒนาการเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์คอมพิวเตอร์และการสื่อสารส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงสังคมและสภาพความเป็นอยู่ของมนุษย์ และทำให้โลกพัฒนาเข้าสู่ยุคของสารสนเทศ ปัจจุบันไม่ว่าจะอยู่ที่ส่วนใดของโลกก็สามารถติดต่อโทรศัพท์พูดคุยกันได้เสมือนว่าอยู่ใกล้กัน พัฒนาการของการสื่อสารกำลังทำให้วิธีการทำงานบางอย่างของมนุษย์เปลี่ยนแปลงไป มีการใช้ข้อมูลมากขึ้น การแลกเปลี่ยนข้อมูลทำได้อย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุนี้เองธุรกิจที่แข่งขันจำเป็นต้องใช้ข้อมูลเป็นจำนวนมาก เพื่อการตัดสินใจ และเพื่อให้บริการด้วยความสะดวกและรวดเร็ว ยุคของสารสนเทศได้ก้าวหน้าและเป็นจริงเป็นจังมากขึ้น มีการใช้บัตรเอทีเอ็ม บัตรเครดิต การสื่อสารผ่านกระดานข่าว ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ และอื่น ๆ 


บทบาทและการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 

    ารติดต่อสื่อสารเป็นการพูดคุยหรือส่งข่าวกันของมนุษย์ ซึ่งอาจเป็นการแสดงออกด้วยท่าทาง การใช้ภาษาพูดหรือผ่านทางตัวอักษรโดยส่วนใหญ่เป็นการสื่อสารในระยะใกล้ต่อมาเมื่อเทคโนโลยีก้าวหน้ามากขึ้นมีการพัฒนาอุปการณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับใช้ในการสื่อสารทำให้สามารถสื่อสารได้ในระยะไกลและสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้นเช่นโทรเลข โทรศัพท์ และโทรสาร 



การสื่อสารไร้สาย  หมายถึง การถ่ายโอนข้อมูลสารสนเทศระหว่างจุดสองจุดหรือมากกว่า โดยไม่ได้เชื่อมต่อกันด้วยตัวนำไฟฟ้า
เทคโนโลยีไร้สายที่พบมากที่สุดใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เช่นคลื่นวิทยุ ซึ่งอาจใช้ในระยะทางสั้นๆไม่กี่เมตรสำหรับโทรทัศน์ หรือไกลเป็นล้านกิโลเมตรลึกเข้าไปในอวกาศสำหรับวิทยุ การสื่อสารไร้สายรวมถึงหลากหลายชนิดของการใช้งานอยู่กับที่, เคลื่อนที่และแบบพกพา ได้แก่ วิทยุสองทาง, โทรศัพท์มือถือ, ผู้ช่วยดิจิตอลส่วนตัว (personal digital assistants หรือ PDAs) และเครือข่ายไร้สาย ตัวอย่างอื่น ๆ ของการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีวิทยุไร้สายรวมถึง GPS, รีโมตประตูโรงรถ เม้าส์คอมพิวเตอร์ไร้สาย, แป้นพิมพ์และชุดหูฟังไร้สาย, หูฟังไร้สาย, เครื่องรับวิทยุไร้สาย, โทรทัศน์ผ่านดาวเทียมไร้สาย, เครื่องรับโทรทัศน์ทั่วไปและโทรศัพท์บ้านไร้สาย


รูปแบบการเชื่อมต่อของระบบเครือข่ายไร้สาย 

Peer-to-peer ( ad hoc mode )


รูปแบบการเชื่อมต่อระบบแลนไร้สายแบบ Peer to Peer เป็นลักษณะ การเชื่อมต่อแบบโครงข่ายโดยตรงระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ จำนวน 2 เครื่องหรือมากกว่านั้น เป็นการใช้งานร่วมกันของ wireless adapter cards โดยไม่ได้มีการเชื่อมต่อกับเครือข่ายแบบใช้สายเลย โดยที่เครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องจะมีความเท่าเทียมกัน สามารถทำงานของตนเองได้และขอใช้บริการเครื่องอื่นได้ เหมาะสำหรับการนำมาใช้งานเพื่อจุดประสงค์ในด้านความรวดเร็วหรือติดตั้งได้ โดยง่ายเมื่อไม่มีโครงสร้างพื้นฐานที่จะรองรับ ยกตัวอย่างเช่น ในศูนย์ประชุม, หรือการประชุมที่จัดขึ้นนอกสถานที่ 



Client/server (Infrastructure mode) 




    ระบบเครือข่ายไร้สายแบบ Client / server หรือ Infrastructure mode เป็นลักษณะการรับส่งข้อมูลโดยอาศัย Access Point (AP) หรือเรียกว่า “Hot spot” ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมต่อระหว่างระบบเครือข่ายแบบใช้สายกับเครื่อง คอมพิวเตอร์ลูกข่าย (client) โดยจะกระจายสัญญาณคลื่นวิทยุเพื่อ รับ-ส่งข้อมูลเป็นรัศมีโดยรอบ เครื่องคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในรัศมีของ AP จะกลายเป็น เครือข่ายกลุ่มเดียวกันทันที โดยเครื่องคอมพิวเตอร์ จะสามารถติดต่อกัน หรือติดต่อกับ Server เพื่อแลกเปลี่ยนและค้นหาข้อมูลได้ โดยต้องติดต่อผ่านAP เท่านั้น ซึ่ง AP 1 จุด สามารถให้บริการเครื่องลูกข่ายได้ถึง 15-50 อุปกรณ์ ของเครื่องลูกข่าย เหมาะสำหรับการนำไปขยายเครือข่ายหรือใช้ร่วมกับระบบเครือข่ายแบบใช้สายเดิม ในออฟฟิต, ห้องสมุด หรือในห้องประชุม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้มากขึ้น 


Multiple access points and roaming



 กรณีที่โครงสร้างของสถานที่ติดตั้งเครือข่ายแบบไร้สายมีปัญหาผู้ออกแบบระบบ อาจจะใช้ Extension Points ที่มีคุณสมบัติเหมือนกับ Access Point แต่ไม่ต้องผูกติดไว้กับเครือข่ายไร้สาย เป็นส่วนที่ใช้เพิ่มเติมในการรับส่งสัญญาณ


  Use of Directional Antennas



  ะบบแลนไร้สายแบบนี้เป็นแบบใช้เสาอากาศในการรับส่งสัญญาณระหว่างอาคารที่ อยู่ห่างกัน โดยการติดตั้งเสาอากาศที่แต่ละอาคาร เพื่อส่งและรับสัญญาณระหว่างกัน



ความคิดเห็น

ไม่ว่าจะอยู่ที่ส่วนใดของโลกก็สามารถติดต่อโทรศัพท์พูดคุยกันได้เสมือนว่าอยู่ใกล้กันมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลได้อย่างรวดเร็วจำเป็นต้องอาศัยระบบการสื่อสารโทรคมนาคมเป็นสื่อกลางในการส่งข้อมูลเพื่อให้สามารถสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูล รวมทั้งสามารถใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ภายในเครือข่ายร่วมกันได้ สามารถติดต่อถึงกันอย่างรวดเร็วไม่มีข้อจำกัดทางเวลา

สรุป

ในทางบวก เพิ่มความสะดวกสบายในการสื่อสาร การบริการและการผลิต ชีวิตคนในสังคมได้รับความสะดวกสบายเป็นเครือข่ายแบบไร้สายทำให้มนุษย์แต่ละคนในสังคมสามารถติดต่อถึงกันอย่างรวดเร็วพัฒนาคุณภาพการศึกษา โดยเกิดการศึกษาในรูปแบบใหม่ กระตุ้นความสนใจแก่ผู้เรียน โดยใช้คอมพิวเตอร์เป็นสื่อในการสอน
ในทางลบ ก่อให้เกิดการรับวัฒนธรรม หรือแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมของคนในสังคมโลก การแพร่ของวัฒนธรรมจากสังคมหนึ่งไปสู่งสังคมอีกสังคมหนึ่งเป็นการสร้างค่านิยมใหม่ให้กับสังคมที่รับวัฒนธรรมนั้นของสังคมนั้นๆการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างไม่มีขีดจำกัดย่อมส่งผลต่อการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล 



แหล่งที่มา 
http://group8-401-2.blogspot.com/
https://sites.google.com/site/kruyutsbw/4-1-bthbath-khxng-kar-suxsar
https://sites.google.com/site/websitpheuxkarsuksa34nathri52/p5/p52





















วันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2559

Christmas



Merry  Christmas


ประวัติวันคริสต์มาส



เทศกาลคริสต์มาส เป็นการฉลองการบังเกิดของพระเยซูที่เราเฉลิมฉลองกันในวันที่ 25 ธันวาคม คำว่า ” คริสต์มาส ” เป็นคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษ Christmas มาจากคำภาษาอังกฤษโบราณ ว่า Christes Maesse ที่แปลว่า “บูชามิสซาของพระคริสตเจ้า” คำว่า “Christes Maesse” พบครั้งแรกในเอกสารโบราณเป็นภาษาอังกฤษในปี 1038 และคำนี้ก็ได้แปรเปลี่ยนมาเป็นคำว่า Christmas
ในภาษาไทย ” คริสต์มาส ” ก็มีความหมาย เช่นกัน คำว่า “มาส” แปลว่า “เดือน” เทศกาลคริสต์มาสจึง เป็นเดือนที่เราระลึกถึงพระเยซูคริสต์เจ้าเป็นพิเศษ คำว่า”มาส” คือ”ดวงจันทร์” ตีความหมายในภาษาไทยคือพระเยซูทรงเป็นความสว่างของโลก เหมือนดวงจันทร์ เป็นความสว่างในตอนกลางคืน Merry X’mas คำว่า Merry ในภาษาอังกฤษโบราณ แปลว่า”สันติสุขและความสงบทางใจ
คำนี้จึงเป็นคำที่ใช้อวยพรคนอื่น ขอให้เขาได้รับสันติสุขและความสงบทางใจ ถือเอาประเพณีของชนในท้องถิ่นนั้น มาประยุกต์เข้ากับศาสนา โดยจัดให้มีการฉลองเพื่อระลึก ถึงการบังเกิดของพระเยซู ที่เขายกย่องเหมือนกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสากลโลก ผู้ทรงเกียรติเลอเลิศประเพณี นี้ ได้เริ่มมาจากรุงโรมในศตวรรษ ที่ 4 และ ค่อยๆ เผยแพร่ไปทุกทวีป


ต้นคริสต์มาส




ต้นคริสต์มาส ในสมัยโบราณหมายถึงต้นไม้ในสวนสวรรค์ ซึ่งอาดัมและเอวาไปหยิบผลไม้มากิน และ ทำบาปไม่เชื่อฟังพระเจ้า ตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 ชาวคริสต์แสดงละครที่หน้าวัดถึงความหมายของคริสต์มาสและเอาต้นไม้ต้นหนึ่งไว้ตรงกลางเพื่อประดับฉากแสดงถึงบาปกำเนิดของอาดัมและเอวาต้นไม้ที่ใช้เป็นต้นสน เนื่องจากเป็นต้นไม้ที่หาง่าย ที่สุดในประเทศเหล่านั้น
การแสดงละครคริสต์มาสแบบนี้ มีมาเป็นเวลาช้านานหลายร้อยปี จนถึงศตวรรษที่ 15 พระสังฆราชหลายแห่งได้ห้ามแสดง เนื่องจากการแสดงนั้นกลายเป็นการเล่น เหมือน ลิเก ล้อชาวบ้าน ผู้ปกครองบ้านเมือง และศาสนาซึ่งไม่ตรงกับบรรยากาศของการฉลอง ชาวบ้านรู้สึกเสียดายที่ ไม่มีโอกาสดูละครสนุกๆแบบนั้นอีก จึงไปสนุกกันที่บ้านของตน โดยเอาต้นไม้มาไว้ที่บ้าน เพราะต้นไม้เป็นจุดเด่นในลานวัด ที่เขาเคยร่วมสนุกกัน
จากนั้นก็เริ่มมีการแขวนลูกแอปเปิ้ลและแขวนแผ่นขนมปังเพื่อระลึกถึงศีลมหาสนิท ซึ่ง ก็มีวิวัฒนาการ เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ จนในที่สุด ก็กลายเป็นขนมและของขวัญ อย่างที่เห็นอยู่ทุกวันนี้
เราจะเห็นได้ว่าวันคริสต์มาสเป็นวันสำคัญวันหนึ่ง เพื่อเป็นการระลึกถึงวันที่พระบุตร ของพระเจ้ามาบังเกิดเป็นมนุษย์ พระองค์เป็นพระเจ้า ที่จะอยู่กับเราตลอดไป เป็นส่วนหนึ่งของมนุษย์ เป็นพี่หัวปีที่จะนำมนุษย์ทั้งมวลไปสู่พระบิดาเจ้า พระองค์เป็นความสำเร็จบริบูรณ์ ตามคำ สัญญาของพระเจ้าที่จะดูแลป้องกัน รักษาเราผู้เป็นประชากรของพระองค์

ซานตาคลอส



วันคริสต์มาสนี้เริ่มตั้งแต่คริสตวรรษที่ 4 มีนักบุญคนหนึ่งชื่อ “นิโคลาส ” หรือ “เซนต์นิโคลาส” ท่านเป็นนักบุญ ตั้งแต่อายุยังน้อย เมื่อเป็นเด็กหนุ่ม ก็ได้รับแต่งตั้งเป็นสังฆราชแห่งแคว้นไมรา ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศตุรกี ท่านได้กลายเป็นนักบุญอุปถัมถ์ประจำชีวิตเด็ก
เด็กในประเทศอังกฤษ จะเรียกคุณตาใจดีว่า “คุณพ่อแห่งวันคริสต์มาส” ( Father Christmas ) เด็กเยอรมันนีเรียกว่า”ญาติแห่งพระคริสต์”( Christ Child ) เด็กชาวดัชท์เรียกว่า “ซาน นิโคลาส” หรือ “Sankt Klous” ในที่สุดกลายเป็น ” ซานตาคลอส ” ติดปากเด็กๆทั่วโลก
ในปี ค.ศ. 1866 นักวาดการ์ตูนชาวอเมริกัน ชื่อ โธมัส แนส เป็นคนแรกที่วาดภาพของ ซานตาคลอส ขึ้นมาลักษณะเหมือนที่เรา เห็นทุกวันนี้ ลงพิมพ์ในหนังสือ “Horpers Weekly” เป็นครั้งแรกใบหน้าของซานตาคลอส เป็นสีแดงอมชมพูเหมือนกลีบกุหลาบ จมูกแดงเหมือนผลเชอรี่สุก นัยน์ตาสุกใสเป็นประกาย หนวดเคราสีขาวท่าทางใจดี ถึงแม้ซานตาคลอสจะเป็นเพียง ตำนานที่เกิดขึ้นมาเพื่อเฉลิมฉลองวันคริสต์มาสก็ตาม แต่ก็เป็นสัญลักษณ์ ที่รวมเอาวิญญาณและความหมายของคริสต์มาสไว้อย่างมากมาย คือความปิติยินดีชื่นชม ความโอบอ้อมอารี ความรัก และความเป็นกันเอง และที่สำคัญที่สุดสำหรับเด็กๆคือ ของขวัญ ของขวัญ และ ของขวัญ


***Merry Christmas and Happy New Year***

Have a happy and prosperous New Year. 
May the blessings of the Lord enrich your family and friends,
not only in wealth but in health, love and happiness
.


        ขอให้ปีใหม่นี้จงมีแต่ความสุข สดใส ขอพระเจ้าจงมอบพรแก่ครอบครัว และมิตรสหายของคุณ 
มิใช่เพียงแค่มั่งคั่ง แต่ขอให้ร่ำรวยทั้งสุขภาพ ความรัก และความสุข

วันพุธที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2559

สิ่งประดิษฐ์ที่ทำจากพลาสติก


ดอกกุหลาบที่ทำจากช้อนพลาสติก


อุปกรณ์
  1. ช้อนพลาสติก
  2. เทียนไข
  3. กรรไกร
  4. คีม

วิธีทำ

  1. ตัดช้อนพลาสติกออกจากด้ามช้อน… สำหรับทำกลีบดอก
  2. นำกลีบดอกแต่ละกลีบ มาลนไฟ แล้วนำมาติดกัน ซ้อนเป็นชั้นๆ
  3. ทำเกสรตรงกลางดอก ด้วยด้ามช้อนพลาสติก
  4. กลีบดอกล่างสุด ให้ใช้ทั้งช้อน หักงอกลีบด้วยความร้อนและคีมแล้วดัดกลีบดอก
  5. นำมาซ้อนๆกัน












คลิปสอนทำดอกไม้ จากช้อนพลาสติก



แหล่งที่มาของเว็บ

http://p-dit.com/2012/12/13/2167/


วันพุธที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ประเทศสิงคโปร์


 ประเทศสิงคโปร์


เกี่ยวกับประเทศสิงคโปร์


    ตราแผ่นดิน ประเทศสิงคโปร์ เป็นโล่สีแดงประดับจันทร์เสี้ยวและกลุ่มดาว ๕ ดวง ข้างซ้ายเป็นสิงโต แทนสิงคโปร์ ข้างขวาเป็นเสือโคร่ง แทนความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์ของเกาะกับมาเลเซีย ข้างใต้มีคำขวัญ “Majulah singapura:” ซึ่งมีความหมายว่า “สิงคโปร์จงเจริญ”

สัญลักษณ์ประจำชาติของสิงคโปร์

สิงคโปร์ มีสัญลักษณ์ประจำชาติ คือ สิงโต ซึ่งเป็นที่มาของชื่อประเทศ มาจากคำว่า สิงคปุระ (Singapura) เป็นภาษาสันสกฤต หมายถึงเมืองแห่งสิงโต สัญลักษณ์นี้เป็น ตัวแทนของความกล้าหาญ ความแข็งแกร่ง และความดีเลิศ สิงโตจะเป็นสีแดงทั้งหมด ซึ่งตัดกับพื้นหลังสีขาว ๒ สีนี้ เป็นสีของธงชาติ แผงคอเป็นสิงโตมี ๕ แฉก มี ความหมายเช่นเดียวกับกลุ่มดาวทั้ง ๕ ลักษณะท่าทางที่มุ่งมั่นของสิงโต แแสดงถึง จิตใจที่เป็นหนึ่งเดียวของประเทศที่พร้อมจะเผชิญกับอุปสรรคทั้งหลายและชนะอุปสรรคเหล่านั้น


ธงชาติของสิงคโปร์แบ่งเป็น ๒ ส่วนเท่า ๆ กัน ตามแนวนอน
  • ส่วนบนเป็น สีแดง : เป็นสัญลักษณ์ของความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องและความเสมอภาคของมนุษย์
  • ส่วนล่างเป็นสีขาว : เป็นสัญลักษณ์ของความดี และความบริสุทธิ์ที่เจริญงอกงามไม่มี ที่สิ้นสุดตรงมุมซ้ายด้านบนเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวสีขาวข้าง ๆ มีกลุ่มดาวสี ขาว ๕ ดวง เรียงเป็นวงกลม
  • พระจันทร์เสี้ยว เป็นสัญลักษณ์ของประเทศที่กำลังเจริญก้าวหน้า
  • กลุ่มดาว ๕ ดวง เป็นสัญลักษณ์ของประชาธิปไตย สันติภาพ ความเจริญก้าวหน้า ความยุติธรรม และความเสมอภาค

ระบบเงินตรา

   ค่าเงินของสิงคโปร์

  ดอลลาร์สิงคโปร์ นอกจากดอลลาร์สิงคโปร์ ดอลลาร์สหรัฐและออสเตรเลียแล้ว สกุลเงินเยนและปอนด์อังกฤษก็เป็นที่ยอมรับในศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้ารายใหญ่เกือบทุกแห่ง มีบริการคำนวณอัตราแลกเปลี่ยนทางอินเตอร์เน็ตที่ asiaone – http://forex.asia1.com/currency.html ตรวจสอบได้จาก อัตราแลกเปลี่ยนวันนี้ – http://www.dbs.com/ratesonline/Pages/fxbra.aspx?hasRedirected=true



  ค่าครองชีพ
  มาตรฐานคุณภาพชีวิตของสิงคโปร์อยู่ในระดับต้นๆของเอเชีย เทียบกับประเทศอื่นๆในตะวันตกแล้วค่าครองชีพที่สิงคโปร์นับว่าไม่สูงมากนัก ราคาสินค้าพื้นฐานอย่างอาหาร หรือเสื้อผ้าก็นับว่าสมเหตุสมผล การกะงบประมาณควรคำนึงถึงค่าใช้จ่ายดังต่อไปนี้ :
  1. ที่พัก
  2. ค่าสาธารณูปโภค (ค่าน้ำ ค่าไฟ ฯลฯ)
  3. อาหาร
  4. ค่าเดินทาง โดยสาร
  5. เสื้อผ้า
  6. โทรคมนาคม
  7. หนังสือและเครื่องเขียน
  8. ค่าประกันสุขภาพ
  9. ค่าใช้จ่ายส่วนตัว
ภูมิอากาศ   
  สภาพอากาศของสิงคโปร์เป็นแบบร้อนชื้นและฝนตกตลอดปี อุณหภูมิโดยเฉลี่ยเท่ากับ 23 – 33 องศาเซลเซียส

  การแต่งกาย
  สิงคโปร์เป็นประเทศเกาะเขตร้อนที่ตั้งอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร อากาศจึงเป็นแบบร้อนชื้นตลอดทั้งปีเหมือนบ้านเรา เตรียมเสื้อผ้าสีสันสดใสสำหรับหน้าร้อนไปแทน เสื้อผ้าแบบสบายๆสามารถใส่ได้ทุกที่ทุกโอกาส แต่บางสถานที่เช่น ร้านอาหารและคลับอาจต้องแต่ตัวแบบเป็นทางการ ดังนั้นควรเช็คกับสถานที่หรืองานนั้นๆก่อน
สถานศึกษาบางแห่งอาจมีกฎระเบียบเกี่ยวกับการแต่งกาย เช่น ห้ามสวมกางเกงขาสั้นและรองเท้าแตะในห้องบรรยาย นักเรียนระดับประถม มัธยมและจูเนียร์คอลเลจจะสวมเครื่องแบบชุดนักเรียน สถานที่ในร่มส่วนใหญ่จะติดเครื่องปรับอากาศเพื่อคลายความร้อน ดังนั้นหากต้องอยู่ในที่แห่งนั้นนานๆอาจรู้สึกหนาว จึงควรเตรียมเสื้อไหมพรมอุ่นๆหรือแจ็กเกตไว้
ช่วงของฤดูในประเทศสิงคโปร์
  • ฤดูร้อน จะอยู่ในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ ไปจนถึง เดือนตุลาคม
  • ฤดูฝน จะอยู่ในช่วงเดือน พฤศจิกายน ไปจนถึงเดือนมกราคม
อุณหภูมิเฉลี่ยของประเทศสิงคโปร์ ตลอด 12 เดือน
Untitled-1ประมาณ 31 องศาเซลเซียส
Untitled-2ระมาณ 19 องศาเซลเซียส

ที่มา: http://www.educatepark.com

วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ในหลวงในดวงใจตามโครงการพระราชดำริ


ในหลวงในดวงใจตามโครงการพระราชดำริ




เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ 



พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระราชดำรัสเนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา เมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๖ ว่า

“… ปัญหาเรื่องภัยแล้งนี้จะเป็นปัญหาที่แก้ไม่ได้ และหมู่นี้ก็พูดกันอย่างเสียขวัญเสียว่าอีกหน่อยต้องปันส่วนน้ำหรือต้องตัดน้ำประปา อันนี้สำหรับกรุงเทพฯ ดังนั้น ต้องหาแนวทางแก้ไขซึ่งปัญหานี้ต้องวางแผนมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว ถ้าหากว่าได้ปฏิบัติในวันนี้ เราก็ไม่ต้องพูดถึงการขาดแคลนน้ำโครงการโดยเฉพาะนั้นก็มี และโครงการนั้นได้ยืนยันมาเมื่อเดือนกว่าแล้วที่นราธิวาส ได้วางโครงการและแม้เป็นโครงการที่ไม่ได้แก้ปีนี้ หรือปีหน้า แต่ถ้าทำอย่างไรดีประมาณ ๕ หรือ ๖ ปี ปัญหาน้ำขาดแคลนในกรุงเทพฯ จะหมดไปโดยสิ้นเชิง อาจจะนึกว่า ๕-๖ ปี นั้นนาน ความจริงไม่นานและระหว่างนี้เราก็พยายามแก้ไขเฉพาะหน้าไปเรื่อย แต่ถ้ามีความหวังว่า ๕-๖ ปี ปัญหานี้คงหมดไปก็คงมีกำลังใจที่จะฟันฝ่าชีวิตต่อไป

ที่ว่า ๕-๖ ปีนี้ ความจริงได้เริ่มโครงการนี้มากกว่า ๕-๖ ปี โครงการที่คิดจะทำนี้บอกได้ ไม่กล้าพูดมาหลายปีแล้วเพราะเดี๋ยวจะมีการคัดค้านจากผู้เชี่ยวชาญจากผู้ที่ต่อต้านการทำโครงการ แต่โครงการนี้เป็นโครงการที่อยู่ในวิสัยที่ทำได้ แม้จะต้องเสียค่าใช้จ่ายไม่ใช่น้อย แต่ถ้าดำเนินการไปเดี๋ยวนี้อีก ๕-๖ ปี ข้างหน้าเราก็สบาย แต่ถ้าไม่ทำในอีก ๕-๖ ปีข้างหน้าราคาค่าสร้างค่าดำเนินการก็จะขึ้นไป ๒ เท่า ๓ เท่า ลงท้ายก็จะต้องประวิงต่อไป และเมื่อประวิงต่อไปไม่ได้ทำ เราก็ต้องอดน้ำแน่จะกลายเป็นทะเลทราย แล้วเราก็จะอพยพไปที่ไหนไม่ได้ โครงการนี้คือสร้างอ่างเก็บน้ำ ๒ แห่ง แห่งหนึ่งคือแม่น้ำป่าสัก อีกแห่งคือ แม่น้ำนครนายก สองแห่งรวมกันจะเก็บกักน้ำเหมาะสมพอเพียงสำหรับการบริโภค การใช้ในเขตกรุงเทพฯ และเขตใกล้เคียงที่ราบลุ่มของประเทศไทยนี้ สำหรับการใช้น้ำนั้นต้องทราบว่าแต่ละคนใช้อยู่อย่างสบายพอสมควร โดยเฉลี่ยวันหนึ่งใช้คนละ ๒๐๐ ลิตร ถ้าคำนวณดูว่าวันละ ๒๐๐ ลิตรนี้ ๕ คน ก็ใช้ ๑,๐๐๐ ลิตร คือหนึ่งลูกบาศก์เมตรต่อวัน ถ้าปีหนึ่งคูณ ๓๖๕ ก็หมายความว่า ๕ คนใช้ในหนึ่งปี ๓๖๕ ลูกบาศก์เมตร ในกรุงเทพฯ และในบริเวณใกล้เคียงนี้เรานับเอาคร่าวๆ ว่ามี ๑๐ ล้านคน ๑๐ ล้านคนก็คูณเข้าไปก็เป็น ๗๓๐ ล้านลูกบาศก์เมตร ฉะนั้นเราเก็บกัก ๗๓๐ ล้านลูกบาศก์เมตรในเขื่อนเราก็สามารถที่จะบริการคนในละแวกนี้ คนในภาคกลางใกล้กรุงเทพฯ นี้ได้ตลอดไป แล้วก็ไม่มีความขาดแคลน เขื่อนป่าสักที่ตอนแรกวางแผนให้จุได้ ๑,๓๕๐ ล้านลูกบาศก์เมตร แต่แก้ไปแก้มาก็เหลือ ๗๕๐ ล้านกว่าๆ ตามตัวเลขที่ให้ไว้นี้แม้เขื่อนป่าสักเขื่อนเดียวก็พอสำหรับการบริโภคแน่นอน ไม่แห้ง ถ้าเติมอีกโครงการที่นครนายกจะได้อีก ๒๔๐ ล้านลูกบาศก์เมตร ก็เกินพอ... ”

เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ตั้งอยู่ที่ตำบลหนองบัว อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี และตำบลพราน อำเภอวังม่วง จังหวัดสระบุรี พื้นที่ของโครงการมีทั้งสิ้น ๑๐๕,๓๐๐ ไร่ ซึ่งมีรายละเอียดังนี้

•  จังหวัดลพบุรี มีทั้งสิ้น ๙๖,๖๕๘ ไร่ ครอบคลุม ๓ อำเภอได้แก่ อำเภอพัฒนานิคม อำเภอท่าหลวง และอำเภอชัยบาดาล 

    •  จัหวัดสระบุรี มีทั้งสิ้น ๘,๖๔๒ ไร่ คือ อำเภอวังม่วง
เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เป็นเขื่อนดินชนิดมีแกนดินเหนียวยาว ๔,๘๖๐ เมตร สูง ๓๑.๕๐ เมตร ระดับน้ำกักเก็บสูงสุด +๔๓.๐๐ ม.รทก. เก็บน้ำได้ ๙๖๐ ล้านลูกบาศก์เมตร
งบประมาณการดำเนินงานรวมทั้งสิ้น ๑๙,๒๓๐.๗๙๐๐ ล้านบาท




ผลกระทบจากการสร้างเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ สามารถแยกออกได้ดังนี้

ทางด้านประชากร ต้องมีประชากรจาก ๒ จังหวัดรวม ๔ อำเภอ คือ จังหวัดลพบุรีได้แก่ อำเภอพัฒนานิคม อำเภอท่าหลวง และอำเภอชัยบาดาล จังหวัดสระบุรี ได้แก่ อำเภอม่วง

ทางด้านสิ่งปลูกสร้างสารธารณะ มีถนนถูกน้ำท่วม ๒ สาย คือ อำเภอชัยบาดาล-อำเภอสนธิ และอำเภอชัยบาดาล – อำเภอด่านขุนทด ส่วนเส้นทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ ระหว่างสถานีแก่งเสือเต้น-สถานีสุรนารายณ์ และ สายแก่งคอย-บัวใหญ่ นอกจากนี้ยังมีโรงเรียน วัด ส่วนราชการ และธุรกิจเอกชน

ทางด้านสิ่งแวดล้อม มีแหล่งโบราณคดี ๓๓ แห่ง และวัฒนธรรมชุมชนไทยเบิ้ง รวมทั้งพื้นที่ป่าไม้แต่เป็นไม้ที่ไม่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ

จากผลกระทบจากการสร้างเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ หน่วยงานราชการและผู้เกี่ยวข้องได้ร่วมมือกันให้ความร่วมมือให้ความช่วยเหลือราษฏรในเขต ๒ จังหวัด ทั้งทางด้านสาธารณูปโภค ด้านไฟฟ้า ถนน น้ำประปา ตลอดจนได้สร้างวัด โรงเรียน และสถานีอนามัย สถานีตำรวจ ทดแทนของเดิมให้กับพื้นที่ชุมชนใหม่ พร้อมทั้งจัดการส่งเสริมพัฒนาอาชีพ ทั้งการเกษตร การประมง การปศุสัตว์ และอุตสาหกรรมในครัวเรือน เช่น สอนการแปรรูปอาหารและการถนอมอาหาร การทำดอกไม้จันทน์และดอกไม้ประดิษฐ์จากเปลือกข้าวโพด และการทอผ้าด้วยกี่กระตุก





ประโยชน์จากการสร้างเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์

1. เป็นแหล่งสำหรับอุปโภค บริโภค

2. เป็นแหล่งน้ำเพื่อการอุตสาหกรรม  

3. เป็นแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร

4. เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ

5. ช่วยป้องกันอุทกภัย                                         








ที่มาของเว็บ
http://www.xn--12co9drbac8a9as5aiidh8isei1npa.com/content/index.php?page=content&type=view&cat=17&id=195