วันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2559

Christmas



Merry  Christmas


ประวัติวันคริสต์มาส



เทศกาลคริสต์มาส เป็นการฉลองการบังเกิดของพระเยซูที่เราเฉลิมฉลองกันในวันที่ 25 ธันวาคม คำว่า ” คริสต์มาส ” เป็นคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษ Christmas มาจากคำภาษาอังกฤษโบราณ ว่า Christes Maesse ที่แปลว่า “บูชามิสซาของพระคริสตเจ้า” คำว่า “Christes Maesse” พบครั้งแรกในเอกสารโบราณเป็นภาษาอังกฤษในปี 1038 และคำนี้ก็ได้แปรเปลี่ยนมาเป็นคำว่า Christmas
ในภาษาไทย ” คริสต์มาส ” ก็มีความหมาย เช่นกัน คำว่า “มาส” แปลว่า “เดือน” เทศกาลคริสต์มาสจึง เป็นเดือนที่เราระลึกถึงพระเยซูคริสต์เจ้าเป็นพิเศษ คำว่า”มาส” คือ”ดวงจันทร์” ตีความหมายในภาษาไทยคือพระเยซูทรงเป็นความสว่างของโลก เหมือนดวงจันทร์ เป็นความสว่างในตอนกลางคืน Merry X’mas คำว่า Merry ในภาษาอังกฤษโบราณ แปลว่า”สันติสุขและความสงบทางใจ
คำนี้จึงเป็นคำที่ใช้อวยพรคนอื่น ขอให้เขาได้รับสันติสุขและความสงบทางใจ ถือเอาประเพณีของชนในท้องถิ่นนั้น มาประยุกต์เข้ากับศาสนา โดยจัดให้มีการฉลองเพื่อระลึก ถึงการบังเกิดของพระเยซู ที่เขายกย่องเหมือนกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสากลโลก ผู้ทรงเกียรติเลอเลิศประเพณี นี้ ได้เริ่มมาจากรุงโรมในศตวรรษ ที่ 4 และ ค่อยๆ เผยแพร่ไปทุกทวีป


ต้นคริสต์มาส




ต้นคริสต์มาส ในสมัยโบราณหมายถึงต้นไม้ในสวนสวรรค์ ซึ่งอาดัมและเอวาไปหยิบผลไม้มากิน และ ทำบาปไม่เชื่อฟังพระเจ้า ตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 ชาวคริสต์แสดงละครที่หน้าวัดถึงความหมายของคริสต์มาสและเอาต้นไม้ต้นหนึ่งไว้ตรงกลางเพื่อประดับฉากแสดงถึงบาปกำเนิดของอาดัมและเอวาต้นไม้ที่ใช้เป็นต้นสน เนื่องจากเป็นต้นไม้ที่หาง่าย ที่สุดในประเทศเหล่านั้น
การแสดงละครคริสต์มาสแบบนี้ มีมาเป็นเวลาช้านานหลายร้อยปี จนถึงศตวรรษที่ 15 พระสังฆราชหลายแห่งได้ห้ามแสดง เนื่องจากการแสดงนั้นกลายเป็นการเล่น เหมือน ลิเก ล้อชาวบ้าน ผู้ปกครองบ้านเมือง และศาสนาซึ่งไม่ตรงกับบรรยากาศของการฉลอง ชาวบ้านรู้สึกเสียดายที่ ไม่มีโอกาสดูละครสนุกๆแบบนั้นอีก จึงไปสนุกกันที่บ้านของตน โดยเอาต้นไม้มาไว้ที่บ้าน เพราะต้นไม้เป็นจุดเด่นในลานวัด ที่เขาเคยร่วมสนุกกัน
จากนั้นก็เริ่มมีการแขวนลูกแอปเปิ้ลและแขวนแผ่นขนมปังเพื่อระลึกถึงศีลมหาสนิท ซึ่ง ก็มีวิวัฒนาการ เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ จนในที่สุด ก็กลายเป็นขนมและของขวัญ อย่างที่เห็นอยู่ทุกวันนี้
เราจะเห็นได้ว่าวันคริสต์มาสเป็นวันสำคัญวันหนึ่ง เพื่อเป็นการระลึกถึงวันที่พระบุตร ของพระเจ้ามาบังเกิดเป็นมนุษย์ พระองค์เป็นพระเจ้า ที่จะอยู่กับเราตลอดไป เป็นส่วนหนึ่งของมนุษย์ เป็นพี่หัวปีที่จะนำมนุษย์ทั้งมวลไปสู่พระบิดาเจ้า พระองค์เป็นความสำเร็จบริบูรณ์ ตามคำ สัญญาของพระเจ้าที่จะดูแลป้องกัน รักษาเราผู้เป็นประชากรของพระองค์

ซานตาคลอส



วันคริสต์มาสนี้เริ่มตั้งแต่คริสตวรรษที่ 4 มีนักบุญคนหนึ่งชื่อ “นิโคลาส ” หรือ “เซนต์นิโคลาส” ท่านเป็นนักบุญ ตั้งแต่อายุยังน้อย เมื่อเป็นเด็กหนุ่ม ก็ได้รับแต่งตั้งเป็นสังฆราชแห่งแคว้นไมรา ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศตุรกี ท่านได้กลายเป็นนักบุญอุปถัมถ์ประจำชีวิตเด็ก
เด็กในประเทศอังกฤษ จะเรียกคุณตาใจดีว่า “คุณพ่อแห่งวันคริสต์มาส” ( Father Christmas ) เด็กเยอรมันนีเรียกว่า”ญาติแห่งพระคริสต์”( Christ Child ) เด็กชาวดัชท์เรียกว่า “ซาน นิโคลาส” หรือ “Sankt Klous” ในที่สุดกลายเป็น ” ซานตาคลอส ” ติดปากเด็กๆทั่วโลก
ในปี ค.ศ. 1866 นักวาดการ์ตูนชาวอเมริกัน ชื่อ โธมัส แนส เป็นคนแรกที่วาดภาพของ ซานตาคลอส ขึ้นมาลักษณะเหมือนที่เรา เห็นทุกวันนี้ ลงพิมพ์ในหนังสือ “Horpers Weekly” เป็นครั้งแรกใบหน้าของซานตาคลอส เป็นสีแดงอมชมพูเหมือนกลีบกุหลาบ จมูกแดงเหมือนผลเชอรี่สุก นัยน์ตาสุกใสเป็นประกาย หนวดเคราสีขาวท่าทางใจดี ถึงแม้ซานตาคลอสจะเป็นเพียง ตำนานที่เกิดขึ้นมาเพื่อเฉลิมฉลองวันคริสต์มาสก็ตาม แต่ก็เป็นสัญลักษณ์ ที่รวมเอาวิญญาณและความหมายของคริสต์มาสไว้อย่างมากมาย คือความปิติยินดีชื่นชม ความโอบอ้อมอารี ความรัก และความเป็นกันเอง และที่สำคัญที่สุดสำหรับเด็กๆคือ ของขวัญ ของขวัญ และ ของขวัญ


***Merry Christmas and Happy New Year***

Have a happy and prosperous New Year. 
May the blessings of the Lord enrich your family and friends,
not only in wealth but in health, love and happiness
.


        ขอให้ปีใหม่นี้จงมีแต่ความสุข สดใส ขอพระเจ้าจงมอบพรแก่ครอบครัว และมิตรสหายของคุณ 
มิใช่เพียงแค่มั่งคั่ง แต่ขอให้ร่ำรวยทั้งสุขภาพ ความรัก และความสุข

วันพุธที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2559

สิ่งประดิษฐ์ที่ทำจากพลาสติก


ดอกกุหลาบที่ทำจากช้อนพลาสติก


อุปกรณ์
  1. ช้อนพลาสติก
  2. เทียนไข
  3. กรรไกร
  4. คีม

วิธีทำ

  1. ตัดช้อนพลาสติกออกจากด้ามช้อน… สำหรับทำกลีบดอก
  2. นำกลีบดอกแต่ละกลีบ มาลนไฟ แล้วนำมาติดกัน ซ้อนเป็นชั้นๆ
  3. ทำเกสรตรงกลางดอก ด้วยด้ามช้อนพลาสติก
  4. กลีบดอกล่างสุด ให้ใช้ทั้งช้อน หักงอกลีบด้วยความร้อนและคีมแล้วดัดกลีบดอก
  5. นำมาซ้อนๆกัน












คลิปสอนทำดอกไม้ จากช้อนพลาสติก



แหล่งที่มาของเว็บ

http://p-dit.com/2012/12/13/2167/


วันพุธที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ประเทศสิงคโปร์


 ประเทศสิงคโปร์


เกี่ยวกับประเทศสิงคโปร์


    ตราแผ่นดิน ประเทศสิงคโปร์ เป็นโล่สีแดงประดับจันทร์เสี้ยวและกลุ่มดาว ๕ ดวง ข้างซ้ายเป็นสิงโต แทนสิงคโปร์ ข้างขวาเป็นเสือโคร่ง แทนความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์ของเกาะกับมาเลเซีย ข้างใต้มีคำขวัญ “Majulah singapura:” ซึ่งมีความหมายว่า “สิงคโปร์จงเจริญ”

สัญลักษณ์ประจำชาติของสิงคโปร์

สิงคโปร์ มีสัญลักษณ์ประจำชาติ คือ สิงโต ซึ่งเป็นที่มาของชื่อประเทศ มาจากคำว่า สิงคปุระ (Singapura) เป็นภาษาสันสกฤต หมายถึงเมืองแห่งสิงโต สัญลักษณ์นี้เป็น ตัวแทนของความกล้าหาญ ความแข็งแกร่ง และความดีเลิศ สิงโตจะเป็นสีแดงทั้งหมด ซึ่งตัดกับพื้นหลังสีขาว ๒ สีนี้ เป็นสีของธงชาติ แผงคอเป็นสิงโตมี ๕ แฉก มี ความหมายเช่นเดียวกับกลุ่มดาวทั้ง ๕ ลักษณะท่าทางที่มุ่งมั่นของสิงโต แแสดงถึง จิตใจที่เป็นหนึ่งเดียวของประเทศที่พร้อมจะเผชิญกับอุปสรรคทั้งหลายและชนะอุปสรรคเหล่านั้น


ธงชาติของสิงคโปร์แบ่งเป็น ๒ ส่วนเท่า ๆ กัน ตามแนวนอน
  • ส่วนบนเป็น สีแดง : เป็นสัญลักษณ์ของความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องและความเสมอภาคของมนุษย์
  • ส่วนล่างเป็นสีขาว : เป็นสัญลักษณ์ของความดี และความบริสุทธิ์ที่เจริญงอกงามไม่มี ที่สิ้นสุดตรงมุมซ้ายด้านบนเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวสีขาวข้าง ๆ มีกลุ่มดาวสี ขาว ๕ ดวง เรียงเป็นวงกลม
  • พระจันทร์เสี้ยว เป็นสัญลักษณ์ของประเทศที่กำลังเจริญก้าวหน้า
  • กลุ่มดาว ๕ ดวง เป็นสัญลักษณ์ของประชาธิปไตย สันติภาพ ความเจริญก้าวหน้า ความยุติธรรม และความเสมอภาค

ระบบเงินตรา

   ค่าเงินของสิงคโปร์

  ดอลลาร์สิงคโปร์ นอกจากดอลลาร์สิงคโปร์ ดอลลาร์สหรัฐและออสเตรเลียแล้ว สกุลเงินเยนและปอนด์อังกฤษก็เป็นที่ยอมรับในศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้ารายใหญ่เกือบทุกแห่ง มีบริการคำนวณอัตราแลกเปลี่ยนทางอินเตอร์เน็ตที่ asiaone – http://forex.asia1.com/currency.html ตรวจสอบได้จาก อัตราแลกเปลี่ยนวันนี้ – http://www.dbs.com/ratesonline/Pages/fxbra.aspx?hasRedirected=true



  ค่าครองชีพ
  มาตรฐานคุณภาพชีวิตของสิงคโปร์อยู่ในระดับต้นๆของเอเชีย เทียบกับประเทศอื่นๆในตะวันตกแล้วค่าครองชีพที่สิงคโปร์นับว่าไม่สูงมากนัก ราคาสินค้าพื้นฐานอย่างอาหาร หรือเสื้อผ้าก็นับว่าสมเหตุสมผล การกะงบประมาณควรคำนึงถึงค่าใช้จ่ายดังต่อไปนี้ :
  1. ที่พัก
  2. ค่าสาธารณูปโภค (ค่าน้ำ ค่าไฟ ฯลฯ)
  3. อาหาร
  4. ค่าเดินทาง โดยสาร
  5. เสื้อผ้า
  6. โทรคมนาคม
  7. หนังสือและเครื่องเขียน
  8. ค่าประกันสุขภาพ
  9. ค่าใช้จ่ายส่วนตัว
ภูมิอากาศ   
  สภาพอากาศของสิงคโปร์เป็นแบบร้อนชื้นและฝนตกตลอดปี อุณหภูมิโดยเฉลี่ยเท่ากับ 23 – 33 องศาเซลเซียส

  การแต่งกาย
  สิงคโปร์เป็นประเทศเกาะเขตร้อนที่ตั้งอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร อากาศจึงเป็นแบบร้อนชื้นตลอดทั้งปีเหมือนบ้านเรา เตรียมเสื้อผ้าสีสันสดใสสำหรับหน้าร้อนไปแทน เสื้อผ้าแบบสบายๆสามารถใส่ได้ทุกที่ทุกโอกาส แต่บางสถานที่เช่น ร้านอาหารและคลับอาจต้องแต่ตัวแบบเป็นทางการ ดังนั้นควรเช็คกับสถานที่หรืองานนั้นๆก่อน
สถานศึกษาบางแห่งอาจมีกฎระเบียบเกี่ยวกับการแต่งกาย เช่น ห้ามสวมกางเกงขาสั้นและรองเท้าแตะในห้องบรรยาย นักเรียนระดับประถม มัธยมและจูเนียร์คอลเลจจะสวมเครื่องแบบชุดนักเรียน สถานที่ในร่มส่วนใหญ่จะติดเครื่องปรับอากาศเพื่อคลายความร้อน ดังนั้นหากต้องอยู่ในที่แห่งนั้นนานๆอาจรู้สึกหนาว จึงควรเตรียมเสื้อไหมพรมอุ่นๆหรือแจ็กเกตไว้
ช่วงของฤดูในประเทศสิงคโปร์
  • ฤดูร้อน จะอยู่ในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ ไปจนถึง เดือนตุลาคม
  • ฤดูฝน จะอยู่ในช่วงเดือน พฤศจิกายน ไปจนถึงเดือนมกราคม
อุณหภูมิเฉลี่ยของประเทศสิงคโปร์ ตลอด 12 เดือน
Untitled-1ประมาณ 31 องศาเซลเซียส
Untitled-2ระมาณ 19 องศาเซลเซียส

ที่มา: http://www.educatepark.com